Kajka (อ่านว่า ไคย-ข่ะ) เป็นเป้เดินป่ารุ่นท็อปของ Fjällräven ที่มีจุดเริ่มต้นจากวิทยาพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโท Henrik Andersson ในปี 2006
ซึ่งในยุคนั้นเป้เดินป่าจะเน้นการออกแบบที่เยอะไว้ก่อน ทั้งเข็มขัด ตัวคาด ตะขอ ห่วง ช่องใส่ของ กระเป๋าเสริม ฯลฯ เรียกได้ว่าอะไหล่ของกระเป๋าในยุคนั้นจัดเต็ม ทำให้เป้ดูพะรุงพะรังรอบใบกันเลยทีเดียว
Henrik Andersson ผู้ซึ่งผูกพันกับ Kånken มาตั้งแต่เด็กจึงอยากจะพัฒนาเป้เดินป่าให้ดูเรียบง่ายมากขึ้น โดยเริ่มจากการออกแบบเป้ในขนาด 40 ลิตร ที่ใช้ได้ทั้งเดินป่าและท่องเที่ยว และด้วยการสนับสนุนจาก Åke Nordin ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ทำให้โปรเจกต์นี้ได้เริ่มขึ้น และแน่นอนว่าต้องนำไปใช้จริงและปรับแก้ เพิ่มเติมฟังก์ชั่นต่างๆ กันเรื่อยมา โดยยังไม่ทิ้งความเรียบง่ายที่เป็นหัวใจของเป้รุ่นนี้
Henrik Andersson,Fjällräven Global Creative Director.
เช่นเดียวกับ Kånken ที่แปลว่าหิ้วหรือสะพาย Kajka ในภาษาสวีดิชก็เป็นคำกำกวมที่สามารถแปลว่าสะพายหรือแบกได้เช่นกัน
10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Kajka - 10 things don’t know about Kajka
1.เกิดขึ้นจากวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท
2.ดีไซน์แรกนั้นมีขนาด 40 ลิตร
3.ออกแบบโดย Henrik Andersson ผู้เป็น Global Brand Director ของเรา
4.คำว่า "kajka" เป็นคำกำกวมในภาษาสวีเดนที่แปลว่า "แบก"
5.เป็นกระเป๋าเป้เดินป่าแบบเปิดด้านหน้าใบแรกของ Fjällräven
6.เป็นกระเป๋าเป้เดินป่าที่ใช้ระบบบีบอัดสัมภาระเพื่อเพิ่มความจุของพื้นที่ด้านในกระเป๋า (compression system) เป็นใบแรก
7.ใช้โครงไม้ซึ่งน้ำหนักเบา ทนทาน และลดการเกิดคาร์บอนฟุตพริ้นท์กว่าการใช้อลูมิเนียม
8.มียอดขายมากกว่า 200,000 ใบทั่วโลก
9.เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลมากมาย
10.ใช้การออกแบบที่ "ไม่ออกแบบ"(“non-design” design) ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสิ้นค้าเพื่อกิจกรรมกลางแจ้ง
]]>
"ผมอาจจะดูเป็นคนเมืองคนนึง แต่จริงๆ แล้วผมก็ชื่นชอบในธรรมชาตินะ" Martin Ander พูดขึ้น เมื่อเราถามเขาถึงแรงบันดาลใจของเขากับการสร้างสรรค์โปรเจ็กต์นี้ ในช่วงที่โลกเพชิญกับโรคโควิดระบาด เขากลับไปอยู่กับครอบครัวในย่าน Sörmland ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองหลวง Stockholm เป็นย่านที่มีชื่อเสียงด้านธรรมชาติที่สวยงาม เขาเล่าให้เราฟังว่าในช่วงนั้นเองเขาได้ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพมากขึ้น ได้ออกไปเดินเล่นกับครอบครัวบ่อยครั้ง เข้าไปในสวนและในป่าใกล้บ้าน และได้ไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ไปเดินป่าแบบไปเช้าเย็นกลับบ่อยครั้ง ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น และเป็นการใช้เวลาใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบล้ำลึกแบบที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน
"งานของผมนั้นต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอ ไม่ก็หน้ากระดาษเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นเวลาที่ผมอยากจะเคลียร์สมอง ผมก็จะออกไปข้างนอก ออกไปเดิน ออกไปขี่จักรยาน ซึ่งนั่นทำให้ผมได้ไอเดียใหม่ๆ เสมอๆ เวลาออกไปสู่ธรรมชาติ Martin Ander กล่าวทิ้งท้ายไว้
และด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ทุกคนได้สร้างสรรค์งานศิลปะจากธรรมชาติรอบตัว เช่นเดียวกับที่เป็นแรงบันดาลใจของ Martin Ander ในปีนี้ Kånken Art ‘23 จึงมาพร้อมอุปกรณ์สร้างงานศิลป์ อย่าง sketch pad และ pen case ในเซ็ตเดียวกันในชื่อ “Kånken Art Plus” โดยคอลเล็กชั่นนี้จะมาใน 2 รูปแบบ ทั้ง Woodlands สีสดใส และ Darkwoods ในสีโทนขาวดำ
Kånken Art ‘23 พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ ร้าน The Adjective และออนไลน์
]]>
Skule (อ่านว่า สะ-คู-เล่) คืออุทยานแห่งชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์สวยงามนอกเมือง Fjällräven Örnsköldsvik มันจึงเป็นชื่อที่แสนจะสมบูรณ์แบบสำหรับกระเป๋าเป้สะพายหลัง เช่นเดียวกับการเดินป่าในช่วงสุดสัปดาห์ ที่แสนจะมีความสุข
skule ทำมาจากเนื้อผ้า 600D HD Polyester Oxford weave ซึ่งเป็นเนื้อผ้าใหม่จาก Fjällräven เป็นเนื้อผ้า 600D HD 100% Recycled Polyester Oxford ที่ทนทาน เคลือบ PU 1000 มม. ผ้าโพลีเอสเตอร์ออกซ์ฟอร์ดมีความแข็งแรง ยืดหยุ่นและทนทานต่อการใช้งาน เนื้อผ้ากันน้ำได้100% อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ทำให้ร้อนอบอ้าว ไม่เกิดการอมความชื้น จนทำให้เกิดกลิ่นอับ และยังทนต่อแสงแดดได้ดี สีจึงสด ไม่ซีดจาง ใช้งานได้นาน
เป็นกระเป๋าอเนกประสงค์ ใช้ประจำวันทั่วไปก็ได้เพราะมีช่องใส่แล็ปท็อปขนาด 15 นิ้ว และสามารถใช้เป็นแบ็คแพ็คเดินป่าเบาๆได้ มีตาข่ายด้านหน้า สามารถใส่สิ่งของที่ด้านหน้าได้ เช่น ขวดน้ำ เสื้อกันหนาว รวมถึงกระเป๋าด้านข้าง ทั้ง 2 ข้างสามารถใส่ขวดน้ำได้ มีสายสะพายบุนวม นุ่มสบาย และแผงด้านหลังพร้อมตาข่ายระบายอากาศ
มีสายคาดหน้าอกที่สามารถปรับความยาวได้ตามความเหมาะสมของผู้ใช้งาน รวมถึงสายคาดสะโพกแบบถอดได้ เพื่อปรับรูปแบบให้สะดวกสบายในการเดินทาง
อย่างที่รู้กันดีว่า Fjällräven มีกางเกงเดินป่าหลายรุ่น แต่ทำไมถึงมีหลายรุ่นกันล่ะ? คำตอบนั้นแสนตรงไปตรงมา เพราะว่าเราทุกคนล้วนต่างกัน เรามีร่างกายที่ต่างกันจึงมีความต้องการต่างกัน และเราสนุกกับกิจกรรมที่ต่างกัน ดังนั้นกางเกงเราต้องแตกต่างกันด้วย
การเลือกกางเกงเดินป่า เป็นจุดเริ่มต้นแรกสู่การเดินทางอันน่าตื่นเต้น มีหลายรุ่นให้คุณเลือกรุ่นที่เหมาะกับคุณที่สุด อย่างที่ Henrik Andersson (จากนี้ขอแทนว่า เฮนริก) หัวหน้าฝ่ายการออกแบบและนวัตกรรมของ Fjällräven ได้กล่าวไว้ว่า เราทุกคนแตกต่างกันนั้นเป็นเหตุผลที่ดีอย่างมาก และกิจกรรมที่ทำก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลเช่นกัน
คุณจะเริ่มค้นหากางเกงที่สมบูรณ์แบบได้อย่างไร? ให้คุณลองถามตัวเองสักสองสามข้อ อย่างแรก คุณจะใช้มันทำอะไร? อย่างที่สอง สภาพภูมิอากาศเป็นยังไง? เฮนริก กล่าวว่า "กางเกงเดินป่าทุกตัวผลิตเพื่อให้คุณขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ง่าย แต่ถ้าคุณกำลังเดินในที่ราบลุ่ม คุณอาจไม่ต้องการความจำเป็นสำหรับการเดินขึ้นเขา ยิ่งต้องก้าวเยอะแค่ไหน ยิ่งต้องการกางเกงที่ยืดหยุ่นมากขึ้น"
"กางเกงเดินป่าที่ดี ก็คือกางเกงที่คุณไม่ต้องคิดมาก ใช้งานง่าย ไม่เสียดสี ใส่แล้วสบายคล่องตัว"
FJÄLLRÄVEN’S HEAD OF DESIGN AND INNOVATION
Henrik Andersson
ความพอดีและเนื้อผ้าเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะมันจะส่งผลต่อการขยับเขยื้อนของร่างกาย เช่น กางเกงบางตัวเหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวเร็วๆ บางตัวเหมาะกับการเดินสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบเท่าตัวแรก ดังนั้นคุณต้องนึกถึงสภาพอากาศและภูมิประเทศที่คุณจะใช้กางเกงของคุณให้ดี บางทีคุณอาจต้องการการระบายอากาศที่เพิ่มขึ้นสำหรับสภาพอากาศที่ร้อนและชื้น ซึ่งผ้าที่มีน้ำหนักเบาและยืดหยุ่นก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หรือบางทีคุณอาจต้องการเนื้อผ้าที่ทนทานเพื่อการปกป้องเป็นพิเศษจากลมหนาว และสภาพอากาศที่เปียกชื้น
"ให้ถามตัวเองว่า อะไรกันนะที่มันง่ายที่สุด ตัวเลือกแรกที่แว่บมาในหัวจึงจะแล่นขึ้นมา สมมติว่าคุณจะเดินป่าในที่โล่ง การที่กางเกงมีกระเป๋าที่มากพอสำหรับแผนที่และเข็มทิศก็คงจะสะดวกและง่ายกว่า" เฮนริกกล่าว
คุณอาจต้องการหยิบสิ่งของง่ายๆ ไม่ว่าจะไม้ขีด มีด หรืออื่นๆ ที่คิดว่ามันจะต้องหยิบใช้เยอะๆ การมีที่ว่างเพียงพอสำหรับสิ่งเหล่านี้ในกระเป๋า ช่วยประหยัดเวลาและพลังงานในการถอดกระเป๋าเป็นอย่างดี
Thoughtful solutions (การแก้ไขปัญหาที่รอบคอบ)
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมามากกว่า 60 ปี Fjällräven ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงกางเกงเดินป่าที่มีอยู่แล้วในตลาด บางครั้งผลงานนี้ก็ยากที่จะรู้ผล แต่อย่างที่เฮนริกได้กล่าวไว้ว่า กางเกงที่ดีคือกางเกงที่คุณไม่คิดมาก ไม่จำเป็นต้องไตร่ตรอง เพราะแท้จริงแล้ว คุณสมบัติพื้นฐานที่สุดของกางเกงที่ดีก็คือการใส่สบายในทุกสถานการณ์ และทนทานไม่ขาดง่าย
"กางเกงที่ดีก็คือกางเกงที่คุณไม่ต้องคิดมาก ใช้งานง่าย ไม่รู้สึกเสียดสี และใส่สบาย คุณไม่จำเป็นต้องทำให้มันร้อนเพิ่มขึ้น และมันไม่ควรมีซิปขวางทางเช่นกัน"
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาก็ดี หรือนวัตกรรมก็ดีมันไม่ควรทำร้ายใคร อย่างเช่น กางเกงเดินป่าจำนวนหนึ่งของ Fjällräven มีตะขอสำหรับใส่รองเท้าที่ช่วยให้คุณรัดปลายขวาเข้ากับรองเท้าได้เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม คุณจะต้องแน่ใจว่ากางเกงมีความยาวกว่าที่ใช้งานเล็กน้อย เพื่อไม่ให้สายรัดดึงคุณขณะที่เดินก้าวยาวหรือก้าวสูง อย่างที่เฮนริกกล่าวได้ว่า "กี่ครั้งแล้วที่ปลายขาเสียดสีกันครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อสวมรองเท้าบู๊ต ดังนั้นมันเป็นการดีที่ใส่รองเท้าที่กระชับพอดีเท้า"
เคล็ดลับอีกประการจากเฮนริก ก็คือการได้ลองขยับเขยื้อนเกินกว่าที่ใช้งานจริงๆ สักสองสามครั้งขณะที่ลองในร้าน วิธีการที่เฮนริกแนะนำก็คือ "ก้าวขึ้นไปบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ลองก้าวเท้าที่ยาวเป็นพิเศษ กางเกงที่ไม่พอดีตัวจะรู้สึกไม่สบายตัว แต่กางเกงที่ดีจะช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ"
บางสิ่งสำหรับทุกคน (Something for everyone)
แม้ว่ากางเกงตัวเดียวจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนได้ แต่ผลิตภัณฑ์ที่เอื้อประโยชน์หลายอย่างก็มีคุณค่าอย่างมาก ในเรื่องนี้เฮนริกยกความสำคัญให้กับ Vidd Pro และ Keb เป็นกางเกงอเนกประสงค์ที่เหนือกว่าอเนกประสงค์ นอกจากนี้ในหมวด "Everyday Outdoor" คุณสามารถค้นพบกางเกงที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน และในป่าท่ามกลางธรรมชาติได้ มันถูกออกแบบมาสวมใส่ในเมือง ที่ทำงาน ที่โรงเรียน ตลอดจนการเดินป่า
ถึงอย่างไร เงื่อนไขกางเกงที่เราผลิตมานั้นก็ต้องคำนึงถึงรูปร่างแต่ละคนด้วย ร่างกายของทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ไม่ว่าจะส่วนสูง น้ำหนัก หรือรูปร่างของคุณจะเป็นอย่างไร ก็จะมีกางเกงที่พอดีสำหรับคุณเสมอ
เดินป่าในที่ราบลุ่มหรือภูเขา? เคลื่อนไหวเร็วหรือสบาย? ก้าวใหญ่หรือก้าวเล็ก? ภูมิประเทศและกิจกรรมมีผลต่อกางเกงที่คุณเลือก
"ข้อดีของการมีพื้นที่ในการขยับที่กว้างและหลากหลาย ก็คือการเข้าถึงทุกคนได้ง่าย คุณอาจไม่สามารถสั่งเสื้อผ้าสั่งตัดที่ทำขึ้นสำหรับคุณเพื่อตอบสนองความชอบของคุณได้ แต่เนื่องจากเรามีตัวเลือกที่หลากหลาย ฉันจึงคิดว่ามันไม่ต่างมากนัก ดังนั้น ลูกค้าของเราจึงหากางเกงที่พอดีตัวเหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น"
นักปีนเขาเดี่ยว (Solo Hiker) อย่าง Shanna Bussink ก็ทำผิดพลาดเช่นเดียวกันเมื่อเริ่มต้น ตอนที่เธอเดินทางครั้งแรก เธอนำผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่หนาสองผืนมากับแก๊สผิดขนาดกับเตา เธอยังสวมรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าที่บางเกินไปกับภูมิประเทศของป่า หลังจากทริปนั้นเธอก็ได้สั่งสมประสบการณ์จากการเดินทางหลายครั้ง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่จะบรรจุและวิธีเตรียมตัว ตอนนี้เธอจึงแบ่งปันความรู้และความหลงใหลผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมที่พัมนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้เข้าร่วม Fjällräven Classic Sweden
Shanna Bussink (ต่อจากนี้ขอแทนเธอว่า ชานน่า) เป็นนักปีนเขาเดี่ยวที่แสนกระตือรืร้น เธออาศัยอยู่ในอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ เธอปราถนาที่จะออกไปสัมผัสกับธรรมชาติพร้อมกับรองเท้าบู๊ตไปยังส่วนต่างๆ ของโลก จากเดินป่าตามเส้นทางที่ได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตามด้วยการค้นพบพื้นที่เดินป่าที่ห่างไกลและไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ
ความกระตือรือร้นในการเดินป่าของเธอได้รับการส่งเสริมตั้งแต่อายุยังน้อยโดยแม่ของเธอ ซึ่งพาชานน่าและพี่น้องของเธอไปเดินป่าทั่วทั้งเนเธอแลนด์
"ฉันยังจำกรอบขนาดใหญ่ของแบ็คแพ็คที่เรามีได้อยู่เลย! ฉันคิดว่าประสบการณ์ครั้งนั้นได้เพาะเมล็ดพันธุ์การเดินป่าในตัวฉัน 20 ปีต่อมา ฉันจึงได้เดินป่าคนเดียวเป็นครั้งแรก แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไรนัก ตรงกันข้าม การเดินป่าเหมาะกับฉันมาก ราวกับฉันเกิดมาพร้อมกับรองเท้าเดินป่า
น่าเสียดายที่ฉันทำ 'ข้อผิดพลาดสำหรับผู้เริ่มต้น' แต่นั่นก็ทำให้ฉันได้เตรียมตัวกับความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้น สิ่งที่ใช้ได้ผลในช่วงระยะการเดินทางหนึ่ง อาจไร้ประโยชน์กับอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับประสบการณ์อย่างสำเร็จ คุณต้องตัดสินใจอย่างมีสติและรอบคอบ"
ชานน่า ไปสวีเดนครั้งแรกเมื่อตอนเธอยังเป็นเด็กกับพ่อแม่ของเธอในรถตู้ หลายปีต่อมา เธอปีนเขาตามเส้นทาง Kungsleden และเรียนรู้เกี่ยวกับ Fjällräven Classic เมื่ออยู่ที่นั่น ไม่นานนัก เธอก็มีไอเดียปรากฎขึ้น: ว่าทำไมเธอจึงไม่ใช้ความรู้ทั้งหมดของเธอเกี่ยวกับการเดินป่า เพื่อพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับผู้เข้าร่วม Fjällräven Classic ล่ะ? ซึ่งชานน่าก็มีประวัติเป็นโค้ชส่วนตัวเป็นลายลักษณ์อักษร
การออกเดินทางโดยไม่ได้เตรียมตัวก่อนเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่มันคงจะดีกว่าถ้าได้จัดกระเป๋าและฝึกฝนอย่างถูกต้อง "เมื่อคุณได้พบกับนักปีนเขาคนอื่นๆ" ชานน่ากล่าว "พวกเขาจะบอกกับคุณว่า พวกเขาน่าจะเตรียมตัวมาให้ดีกว่านี้ ซึ่งในโปรแกรมนี้ก็จะอบรมผู้เข้าร่วมให้เตรียมการอย่างรอบด้านที่สุดเท่าที่พวกเขาต้องการในการผจญภัยใน Fjällräven Classic"
ชานน่าได้พัฒนาโปรแกรมฝึกอบรม Fjällräven Classic Hikeprep สำหรับ Classic Sweden โดยเฉพาะ ในระหว่างนั้นผู้เข้าร่วมจะได้รับการฝึกอบมรมตามเวลาจริงทุกสัปดาห์ตามที่กำหนดอย่างมืออาชีพ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น การออกกำลังกายประจำสัปดาห์เรียกว่า 'Hikefits' ซึ่งทำที่ที่พักของผู้เข้าร่วมเอง นอกจากนี้ยังมี 'Hikeprep' สำหรับรวมการประชุมเชิงปฏิบัติรายเดือน แต่ละหัวข้อก็จะเน้นไปที่หัวข้อเฉพาะ เช่น การเลือกอุปกรณ์ การทำน้ำให้บริสุทธิ์ดื่มได้ การกางเต็นท์ การเตรียมอาหารกลางแจ้ง การจัดการความเครียด
Carl Hård af Segerstad, ผู้จัดการกิจกรรม Fjällräven Global รู้สึกประทับใจกับความคิดริเริ่มนี้: "ฉันรู้สึกทั้งดีใจและประหลาดใจเมื่อชานน่าติดต่อฉันและอธิบายเกี่ยวกับโปรแกรม ความคิดที่เกิดขึ้นครั้งแรกของฉันคือ 'ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ' มีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม Classic Sweden เป็นครั้งแรก การเข้าร่วมโปรแกรมฝึกอบรมนี้ จะช่วยเตรียมพร้อมเขาทั้งร่างกายและจิตใจให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกิจกรรมที่ยอดเยี่ยม"
ในท้ายที่สุด สิ่งที่ชานน่าทำไปนั้นก็มาจากความรักในการเดินป่า เมื่อถูกคนอื่นถามถึงที่มาในความหลงใหลของเธอ เธอก็ใช้เวลาในการตอบคำถาม มันไม่ใช่เพียงแค่การอยู่กลางแจ้ง เป็นคนกระฉับกระเฉง หรืออยู่กับธรรมชาติเท่านั้น
"การเดินป่า (trekking) ช่วยให้มนุษย์ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งสองโลก ทำให้มันเป็นกิจกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุด ระหว่างเดินป่าเราจะได้สัมผัสถึงโครงสร้างและความหลากหลาย สิ่งที่สำคัญคือการวางเท้าข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งไว้ข้างหน้า และอีกหลายๆ ไมล์ แม้จะวันสองวันก็ไม่เหมือนกัน คุณผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย และพบกับสัตว์พืชนานาชนิด ดังนั้นความประทับใจของคุณก็หลากหลายเช่นกัน โครงสร้างจะช่วยให้คุณผ่อนคลายในขณะที่ความหลากหลายจะช่วยให้คุณรู้สึกโดนกระตุ้นขึ้นมา…”
การเดินทาง 110 กิโลเมตรเป็นความท้าทายอย่างมากแม้กระทั่งผู้ใหญ่ด้วยกัน แต่สำหรับเด็กกลุ่มนี้ ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด พวกเขาต่างพร้อมสำหรับความท้าทายครั้งนี้ ไม่ว่าจะนอนที่เต็นท์ 5 คืน กับเดินเท้าไปตามเส้นทางระหว่าง Nikkaluokta กับ Abisko
ในทุกๆ ปีช่วง 2-3 วันในฤดูร้อนของหมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆ อันเงียบสงบของ Nikkaluokta ในแลปแลนด์จะพลุกพล่านไปด้วยนักเดินป่าหลายร้อยคน พร้อมกับธงที่ปลิวไสวไปตามสายลมจึงทำให้กระจ่างได้ว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของ Fjällräven Classic Sweden ในขณะที่กำลังรอให้การเดินเริ่มต้น ผู้เข้าร่วมจะรวมตัวกันเพื่อจัดการอุปกรณ์ ควบคุมน้ำหนักของเป้ และมองดูภูเขา Kebnekaise อย่างประหม่า โดยมีอาสาสมัครคอยให้กำลังใจและตอบคำถามอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่การเดินป่าเริ่มต้นขึ้น
ส่วนใหญ่แล้วคนที่เข้าร่วมการเดินป่าระยะทาง 110 กิโลเมตรระหว่าง Nikkaluokta และ Abisko นั้นจะมีแต่ผู้ใหญ่ แต่ในปี 2021 มีเด็กเข้าร่วมด้วย 2-3 คน หนึ่งในนั้นก็คือ จูเลีย (Julia Jennische Péclard) สาวน้อยอายุ 12 ปี จากเมือง Falun ประเทศสวีเดน เธอได้บรรยายความรู้สึกตื่นเต้นของเธอไว้ว่า
“ใช้คำว่าหนูมักจะคุ้นเคยกับการแข่งสกีซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก หนูเลยตัดสินใจเข้าร่วมกับ Fjällräven Classic คิดว่ามันน่าจะคล้ายแบบนั้น แต่กลายเป็นว่าพอเขาพูดว่า “เริ่มเดินกันเถอะ” ทุกคนก็เริ่มเดินกันเลย หนูเลยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ใจเย็นลงเมื่อได้เห็นเส้นแนวเขาที่สวยงาม”
ในขณะเดินทางบนรถไฟ คริสติน่า (Kristina Jennische) แม่ของจูเลีย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กของ Fjällräven Classic ว่ามีครอบครัวใดบ้างที่พาเด็กๆ เข้าร่วมกิจกรรมนี้ เผื่อมีใครจะสนใจร่วมเดินทางไปด้วยกัน ทันใดนั้นเธอก็ได้รับการติดต่อจาก ครอบครัว Lion Kristensens ครอบครัว 4 คนจากประเทศเดนมาร์ก โดยมี อันนิก้า (Annika) และ อัลลัน (Allan) ได้พา โนอาห์ (Noam) วัย 11 ปี และ อารอน (Aron) วัย 13 ปี เข้าร่วมประสบการณ์ครั้งนี้ด้วย แม้ว่าทั้งคู่จะยังรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อยก็ตาม
อารอนได้กล่าวว่า “ผมคิดว่ามันน่ารำคาญที่เราต้องเดินเขากับ Classic ในตอนแรก เพราะมันไม่รู้สึกน่าสนุกสักนิด ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเราทำก็คือเดินแล้วก็เดินตลอดเวลา”
โนอาห์เองก็เห็นด้วยกับพี่ชาย แต่เขารู้สึกมีความหวังมากขึ้นเมื่อเห็นทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น “พ่อกับแม่บอกว่าผมกับพี่ชายจะต้องไปด้วย พวกเราก็เลยมา ผมไม่ค่อยชอบนักหรอก แต่ทันทีที่ผมเห็นแถวผมก็คิดว่า “นี่มันเจ๋งสุดๆ ไปเลย!” มันวิเศษมากที่ได้เห็นคนอื่นๆ มากมายเข้าร่วม Classic ด้วย
ดังนั้น จูเลีย อารอน และโนอาห์ จึงเข้าร่วม Fjällräven Classic ในฐานะวัยเด็ก เพื่อทดสอบว่าการเดินป่าในระยะยาวนั้นรู้สึกเป็นอย่างไร มันอาจจะน่าเบื่อ แต่พวกเขาจะได้เรียนรู้คำว่า "อดทน" แน่นอน
ระหว่างเดินไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีอะไรแตกหัก หรือเกิดอะไรขึ้นระหว่างเดินทาง เพราะที่นั่นมีอาสาสมัครแสนใจดีคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ
ระหว่างเดินทางหากคุณตัวเปียก คุณจะเรียนรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เสื้อผ้าแห้งอีกครั้ง มันคงดีถ้าหากฝนเริ่มตกแล้วรีบสวมชุดกันฝนทันที แม้เป็นเพียงละอองฝนก็ตาม
ระหว่างเดินทางควรมีแก้วน้ำติดตัวไว้เป็นเรื่องดี เพื่อให้คุณสามารถดื่มน้ำจากลำธารได้ตลอดทาง ด้วยวิธีนี้จึงทำให้คุณไม่จำเป็นต้องพกน้ำเยอะ
ระหว่างเดินทางควรหยุดพักและถอดรองเท้าเสียบ้าง หากคุณใช้เท้าตากลมบ่อยๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเสียดสี
ระหว่างเดินทางการเดินทางอาจน่าเบื่อ บทสนทนาจะช่วยทำให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ระหว่างเดินทางอย่าแพ็คกระเป๋าจนหนักเกินไป ให้เลือกสิ่งของที่นำมาร่วมเดินทางด้วยอย่างระมัดระวัง
ระหว่างเดินทางแปรงสีฟัน อุปกรณ์กันฝน และขนมควรเก็บไว้ที่กระเป๋าด้านบนของกระเป๋าเป้ เพื่อให้หยิบจับได้ง่ายขึ้น
ระหว่างเดินทางอย่าหักโหมมากเกินไป เพราะวันรุ่งขึ้นเรายังมีเส้นทางอีกยาวไกลให้เดินต่ออีก
และระหว่างเดินทางพกขนมติดตัวมาด้วยเยอะๆ แล้วมาสนุกด้วยกันดีกว่า
ทันทีที่เริ่มเดินทาง เรียกได้ว่าแต่ละคนล้วนมี “สไตล์การเดิน” เป็นของตัวเองก็ว่าได้ จูเลียมีเป้าหมายจะไปจุดเช็กพอยท์ Kebnekaise ซึ่งเป็นระยะทาง 19 กิโลเมตรภายในวันแรก เธอกับแม่จึงรีบเดินอย่างรวดเร็ว โดยใช้ประโยชน์จากจุดเช็กพอยท์ตลอดทางซึ่งมีด้วยกัน 6 จุดที่ผู้เข้าร่วมสามารถประทับตราเดินป่า เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มและแก๊ส ในช่วงเย็นวันนั้นจูเลียและคริสติน่าได้ตั้งเต็นท์ไกลจากจุดพัก Kebnekaise มาเล็กน้อย โดย Lion Kristensens ตามมาทันในวันที่ 2 และตั้งแต่นั้นพวกเขาก็เดินมาตามทางด้วยกันตลอด
"คืนที่ 3 เราได้ตั้งเต็นท์ก่อนจะถึง Tjäktja เพราะแม่ของหนูจำได้ว่ามันค่อนข้างเดินยาก" จูเลียกล่าว "แม่เคยปีนไปที่นั้นครั้งหนึ่งตอนที่ฝนตก เลยคิดว่าเราน่าจะต้องเก็บแรงพิเศษนิดหน่อยเพื่อขึ้นไป แม่คิดว่ามันคงจะดีถ้าจะเดินทางในตอนเช้าในขณะที่เรากำลังรู้สึกสดชื่น เราถึงที่นั่นในตอนช่วงเย็น และใช่ แม่พูดถูก มันเป็นไอเดียที่ดีมากที่เราได้พักผ่อนเต็มที่
ในวันที่ 4 พวกเราเดินกันมาไกลมาก อย่างแรกเราผ่าน Tjäktja มาแล้วซึ่งตอนแรกหนูกลัวมาก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย พอเราผ่าน Tjäktja มาก่อนที่จะถึง Alesjaure เราก็ได้เจอกับครอบครัว Lion Kristensens อีกครั้งก่อนจะเดินทางไปด้วยกัน พวกเราเดินผ่าน Alesjaure และได้พบกับทะเลสาปสวยงามที่ Alisjávri ซึ่งเราค้างคืนที่นั้น มันสนุกมาก อารอน โนอาห์ และหนูไ้ดเล่นซ่อนแอบที่นั่นด้วย!”
เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กทั้ง 3 คนจะต้องปีนเขาพร้อมกับเป้ที่หนักอึ้ง พ่อแม่ของพวกเขาจึงได้จัดเตรียมสิ่งของมาอย่างชาญฉลาด ที่เด็กๆ ได้ลองสะพายและจัดกระเป๋าแล้วมีน้ำหนัก 8-11 กิโลกรัม มีถุงนอน เสื่อนอน เสื้อผ้า อาหาร และขนม ส่วนพ่อแม่ก็รับผิดชอบโดยแบกเต็นท์ ซึ่งอารอนก็พบกว่าการตั้งแคมป์นั้นเป็นเรื่องที่สนุกมาก "การกางเต็นท์เป็นเรื่องง่าย เพราะเรามีเต็นท์ที่ดี จริงๆ อากาศก็แห้งทุกวันยกเว้นวันสุดท้าย สิ่งที่ยากที่สุดคือการหาที่วางเต็นท์ที่กว้างพอสำหรับนอน 4 คน"
จูเลียกล่าวว่าเธอชอบวันที่ 2 มากที่สุด เพราะวันนั้นเป็นวันที่เธอปรับตัวได้แล้ว และครอบครัวทั้ง 2 ก็ปรับจังหวะการเดินเข้ากันได้แล้ว นั่นก็คือตื่นขึ้นมาตอนเช้าราวๆ 7.30 น. เดินอยู่ชั่วโมงก่อนจะพักเบรก 10-15 นาที หลังจากนั้นก็เดินต่ออีกชั่วโมง ในขณะที่เดินก็ถอดรองเท้าเพื่อระบายอากาศบ้าง และทานอากหารว่าง ซึ่งจูเลียชอบมากที่สุด "ของว่างมันดีมากเลย! มันไม่ใช่แค่ถั่วที่น่าเบื่อเท่านั้น แต่ยังมีขนมหวาน ช็อกโกแลต มะม่วงแห้ง เรามีมะกอก เนื้อแห้ง และชีส เป็นเรื่องที่ดีในการรักษารสเค็มเป็นครั้งคราว เราพักทานอาหารเย็นนานขึ้นและพยายามกินของว่างหนักๆ ให้หมดก่อน"
แม้ว่าเส้นทางจะระบุชัดเจน แต่เธอก็ชอบที่จะดูแผนที่บ่อยๆ ด้วยสิ่งนี้ทำให้เธอรู้ว่าเธอต้องไปทางไหน และมองเห็นได้ว่าเธอเดินไกลแค่ไหนแล้ว "บางครั้งก็รู้สึกเหมือนไปไม่ถึงไหนเลยเพราะภูเขาใหญ่มาก แต่พอดูให้ดีๆ ก็จะเห็นว่าพวกเราเดินมาไกลมากแค่ไหน ในจังหวะหนึ่งที่รู้สึกว่าภูเขาอยู่ตรงหน้า แต่ต่อมามันก็อยู่เลยไกลไปแล้ว"
ในไม่ช้าการเดินทางก็สิ้นสุดลง จูเลียสนุกเพลิดเพลินไปกับ ช่วงท้ายตลอดเส้นทาง Abiskojokk อย่างมาก ซึ่งมันสิ้นสุดลงเมื่อพวกเขาเดินผ่านอุโมงค์และเห็นเส้นชัยที่จุดเขา Abisko "หนูรีบวิ่งข้ามเส้นชัยแล้วกอดพ่อกับน้องชายทันทีเลย!"
แล้วเด็กชายอีก 2 คนล่ะ?
อารอนยอมรับว่า โดยรวมแล้วเขาชอบ Classic อยู่พอควร เขารู้สึกเหนื่อยในช่วงเย็น เคลื่อนไหวลำบากในช่วงเช้า และไม่ชอบเส้นทางที่ Alesjaure เพราะมียุงและริ้น อย่างไรก็ตามเขาก็สนุกไปกับการไปถึงจุดตรวจเพื่อรับแสตมป์และหาอะไรกิน มีความสุดที่ได้พบกับ Dream Team Astrid ซึ่งเป็นอีกกลุ่มจากเดนมาร์ก
สำหรับโนอาห์ การนอนในเต็นท์ และชมภูเขาเป็นส่วนที่ดีที่สุดของการเดินป่า ประสบการณ์มีทั้งขึ้นและลง ไม่แปลกใจเลยที่เมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติเป็นเวลา 6 วัน 5 คืน อารมณ์ของคุณจะเปลี่ยนไป อย่างที่โนอาห์พูด "บางวันผมก็ไม่อยากเดินเลย แต่บางวันก็อยากรีบเดินขึ้นมา ผมงอแงนิดหน่อย แต่ก็มีของหวานที่พอช่วยได้มาก ช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของผมคือวันสุดท้าย แต่ดูเหมือนท้องผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่"
ช่วงเวลาที่น่าทึ่งสำหรับเด็กๆ ทั้ง 3 ก็คือการได้เห็นกวางเรนเดียร์ตัวจริง
Fjällräven Classic Sweden เป็นเส้นทางเดินป่าที่ยาวที่สุด และ Julia, Aron และ Noam ต่างก็ภูมิใจในความสำเร็จของพวกเขาอย่างมาก โดยทั้ง Aron และ Julia พร้อมที่จะลองเข้าร่วม Classic ในอีกประเทศหนึ่ง และ Noam ก็ใฝ่ฝันที่จะเดนป่ากับครอบครัวของเขาอีกครั้งร่วมกับคนอื่นๆ พวกเขาต่างได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าที่พวกจะเผชิญในการผจญภัยครั้งต่อไป
ซึ่งจูเลีย อารอน และโอนาห์ ก็ต่างภูมิใจในความสำเร็จของพวกเขาเป็นอย่างมาก โดยอารอนและจูเลียพร้อมที่จะลองเข้าร่วม Classic ในอีกประเทศหนึ่ง และโนอาห์ ก็ใฝ่ฝันที่จะเดินป่ากับครอบครัวของเขาร่วมกับคนอื่นๆ อีกครั้ง พวกเขาต่างได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าที่ที่พวกเขาจะเผชิญในการผจญภัยครั้งต่อไป
“สะพายเป้ให้ใบใหญ่ขึ้น” จูเลียแนะนำ
“แพ็คของให้เบาขึ้น แล้วเดินต่อไป” อารอนกล่าว
“พกขนมมาด้วยเยอะๆ!” โนอาห์อุทาน
]]>สิ่งที่คาดหวังได้จาก Daypack
กระเป๋าเป้ Daypack มีความหลากหลายให้เลือกอย่างมากมาย ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติที่คล้ายๆ กัน เราขอหยิบยกคุณสมบัติหลักๆมาให้แทน:
วิธีเลือกกระเป๋า Daypack
เมื่อคุณรู้พื้นฐานแล้ว แล้วกระเป๋า Daypack แบบไหนกันล่ะที่เหมาะกับคุณ? นี่คือไฮไลท์บางส่วนที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สำหรับชอบความคลาสสิก: Vardag 28 Laptop
ถ้าคุณชอบการออกแบบที่ดูเรียบง่าย พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ตรงวัตถุประสงค์ไม่ซับซ้อน Vardag เป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับคุณอย่างมาก กระเป๋าเป้ Vardag ได้รับแรงบันดาลใจจากปี 1970 โดยมีตราสัญลักษณ์จากยุคนั้นอีกด้วย
ผลิตจากเนื้อผ้า G-1000 HeavyDuty Eco S ที่ทนทาน มีซิปยาวสำหรับจัดของง่าย มีเบาะรองนั่ง มีช่องสำหรับใส่แล็ปท็อปแยกต่างหาก มีหลายช่อง ช่วยให้คุณใช้งานในชีวิตประจำวันสู่การทำงานและสู่ธรรมชาติได้ง่ายๆ
สำหรับคนชอบบรรจุของเยอะ: High Coast Foldsack 24
หากคุณเป็นที่ต้องเตรียมของพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ คุณอาจจะต้องการ Daypacks ที่รองรับฟังก์ชันเหล่านั้น เช่นเดียวกับกระเป๋ารุ่น High Coast Foldsack 24 ที่ด้านบนเป็นแบบพับเก็บได้ ช่วยให้คุณเพิ่มปริมาณช่องเก็บหลักได้อย่างอิสระ ตัวผ้าเป็นไนลอนรีไซเคิลที่ผ่านการเคลือบปราศจากฟลูออโรคาร์บอน สามารถป้องกันฝนได้อย่างดีเยี่ยม สายสะพายไหล่บุนวม
สำหรับวันที่ฝนพรำ: Ulvö Rolltop 30
เมื่อฝนเทลงมา คุณควรใช้ Daypack ที่มีเนื้อผ้ากันน้ำและซับในด้วยเทป เช่นเดียวกับ Ulvö Rolltop 30 ที่ผลิตจากผ้าเอกลักษณ์จาก Fjällräven ผ้า Bergshell ที่กันน้ำได้ 100% ผลิตจากรีไซเคิลไนลอนที่ปลอดสาร PFC สามารถปิดม้วนด้านบนหรือด้านข้างเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปด้านในได้ ห่วงด้านนอกสำหรับติดสัญลักษณ์ไฟจักรยาน เหมาะกับใช้ในยามฝนตก
สำหรับอเนกประสงค์: Haulpack No.1 and Totepack No. 1
บางทีคุณอาจต้องการที่ทนทานกว่านี้ รุ่น Haulplack No.1 และ Totepack No.1 จึงปรากฎขึ้นมา ทั้งสองรุ่นถูกผลิตจากเนื้อผ้า G-1000 Heavy Duty Eco ที่แสนทนทาน ใช้งานได้จริงสำหรับการเดินทาง ทั้งสองรุ่นมีพื้นที่มาก ตั้งแต่แล็ปท็อป อุปกรณ์ออกกำลังกาย ไปจนถึงกระเป๋าสตางค์อันเล็ก และอื่นๆ ที่คุณจะนึกถึงได้ ช่องเปิดขนาดใหญ่ยังช่วยให้คุณมองเห็นได้อย่างชัดเจน
สำหรับการผจญภัยกลางแจ้ง: Skule 28
ความอเนกประสงค์คือจุดขายหลักของ Daypack ก็จริง แต่ถ้าเกิดคุณอยากจะได้กระเป๋าเดินป่าที่สมบูรณ์เลยล่ะก็ Skule เป็นใบที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ผลิตจากวัสดุที่ทนทานและเนื้อผ้า Oxford ในรีไซเคิลโพลีเอสเตอร์ ช่วยกันน้ำระดับหนึ่ง มีห่วงตาข่ายและยางยืดสำหรับติดอุปกรณ์พิเศษ แผงด้านหลังทำด้วยตาข่ายช่วยระบายอากาศ สายสะพายไหล่บุนวมนิ่ม และสายรัดหน้าอกปรับได้ สุดท้ายก็คือระบบไฮเดรชั่น ถุงน้ำที่สามารถเก็บไว้ในซองใส่แล็ปท็อปได้ พร้อมกับท่อสำหรับดื่มสามารถดึงผ่านช่องเปิดด้านบนได้
สำหรับคนชอบจัดระเบียบกระเป๋า: Räven 20 and Räven Laptop 28
หากคุณชอบจัดของเก็บของ กระเป๋าเป้ Daypack มีช่องเก็บมากมายเลยล่ะ ซึ่งคุณไม่ควรมองข้ามรุ่น Räven เป็นอันขาด ช่องหลักของกระเป๋ากว้างขวางและยังมีพื้นที่มากมายให้คุณได้เก็บของ รวมไปถึงผ้าที่ช่วยถนอมปกป้องชิ้นสำคัญ เช่น แล็ปท็อป แว่นกันแดด และโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าซิปด้านหน้าและกระเป๋าด้านข้างสองช่องสำหรับใส่เครื่องดื่ม และอื่นๆ ที่คุณต้องการเก็บไว้ใกล้มือ
10 สิ่งที่ต้องเอาไปด้วยสำหรับเดินป่า 1 วัน
เมื่อคุณรู้จัก Daypack มากขึ้นแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องตัดสินใจว่าคุณจะทำอะไรขณะเดินป่า ผู้เชี่ยวชาญจาก Fjällräven ได้แนะนำ 10 อย่างที่คุณต้องพกไปด้วย:
หากคุณลองสังเกตให้ดี คุณอาจจะสังเกตได้ว่ากระเป๋าเป้ Kånken นั้นอยู่รอบๆ ตัวคุณตลอดเวลา
แล้ว Kånken ไม่ว่าจะเป็นเป้สะพายหลัง เป้สะพายหลังใบเล็ก กระเป๋าสะพายข้าง และอุปกรณ์เสริมต่างๆ มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา จินตนาการ นวัตกรรม และความดื้อรั้น โดยทุกอย่างเริ่มต้นในช่วงเปิดเทอมปี ค.ศ. 1978
Straightening out a generation of schoolchildren.
(จัดการปัญหาช่วงวัยนักเรียน)
ในช่วงปลายปี 1970 สถิติรายงานว่าเกือบ 80% ของประชากรชาวสวีเดนมีอาการปวดหลัง ที่น่าแปลกใจคือปัญหาเหล่านี้ปรากฎขึ้นในเด็ก โดยมีทฤษฎีว่าสาเหตุที่ทำให้เด็กปวดหลังมาจากกระเป๋าสะพายไปโรงเรียนของเด็กที่มีน้ำหนักมากๆ
Åke Nordin ผู้ก่อตั้ง Fjällräven ได้ติดตามเรื่องราวนี้เช่นกัน และในระหว่างที่เขาเยือนเมืองสตอกโฮล์มในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เขาได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบกระเป๋าเป้ทรงสี่เหลี่ยมที่สามารถใช้งานได้จริง สะดวกสบายสำหรับเด็กโดยเฉพาะ และมันก็มีพื้นที่ว่างเพียงพอสำหรับหนังสือเรียน และอุปกรณ์ต่างๆ และจะต้องผลิตจากผ้าที่ทนทานเท่าที่จะหาได้ เขาตัดสินใจให้สายสะพายไหล่ยาวตลอดหลังเพื่อให้รัดอยู่ใต้วงแขน สุดท้ายเขาก็รวมเบาะรองนั่งที่ถอดออกได้เก็บไว้ในกระเป๋าหลังด้านใน ป้องกันไม่ให้สิ่งของโดนด้านหลัง และสามารถนั่งลงได้สะดวก
ส่วนที่เจ๋งที่สุดน่ะเหรอ? ก็คือกระเป๋าจะช่วยให้เด็กมือเป็นอิสระได้ทำสิ่งอื่นๆ ได้อีกนั่นเอง เช่น การเที่ยวชมป่า ซึ่งต้องใช้มือทั้งสองคลานไปตามกิ่งไม้และใบไม้ หรือจะการศึกษาธรรมชาติ ศึกษามด เก็บลูกอ๊อด และย่าง pinnbröd (ขนมปังชนิดหนึ่งที่อบเหนือกองไฟ)
กระเป๋าเป้ Kånken ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1978 โดยขอความร่วมมือจาก the Swedish Guide and Scout Association ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 องค์กรได้ดึงดูดเด็กกว่า 80,000 คนให้หันมาสนใจทำกิจกรรมกลางแจ้งกิจกรรม Skogsmulle movement ซึ่ง The mulle คือผู้นำกลางแจ้งผู้แต่งตัวเป็นโทรลล์และสอนเด็กๆ เกี่ยวกับธรรมชาติในป่าโดยตรง ในไม่ช้า Kånken ก็มีความหมายเหมือนกับประสบการณ์ท่ามกลางธรรมชาติ ในป่าด้วยมือที่ว่างเปล่า เด็กๆ ได้เรียนรู้สำนวนสวีเดนโบราณที่ว่า “There’s no such thing as bad weather, only bad clothes”. (ไม่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแต่เสื้อผ้าที่แย่ต่างหาก)
ซึ่งดูเหมือนกระเป๋าสะพายหลังก็จะเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน
ถ้ามั่นใจว่าได้กำไรแน่นอน Åke ต้องผลิตแป้ Kånken จำนวนถึง 5,000 แม้ว่าเขาจะต้องเสี่ยงกับผู้ซื้อรายเดียวที่ตกลงรับไว้ 75 ใบ และน้องเขยของเขาซึ่งเป็นนักข่าวที่ Swedish tabloid ได้ส่งบทความเกี่ยวกับกระเป๋าเป้ที่สามารถแก้ไขปัญหาปวดหลังของเด็กๆ ได้ มากกว่า 100 ร้านตีพิมพ์เรื่องราวนี้ แม้ว่าตัว Åke วางแผนที่จะขายกระเป๋า Kånken ที่ 200 ใบในปีแรก กลับกลายเป็นว่าเขาขายได้มากกว่าที่ตั้งไว้ถึงสองเท่า ปีถัดมายอดขายพุ่งขึ้นเป็น 30,000 ใบ
กระเป๋าเป้ Kånken ประสบความสำเร็จ นั่นทำให้เด็กๆ และผู้ใหญ่จากสวีเดนและเดนมาร์ก ต่างชื่นชมมาอีกหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม มันได้ถูกส่งออกขายในปริมาณที่น้อยลงนอกเหนือจาก 2 ประเทศนี้ ยกเว้นประเทศญี่ปุ่นในปี 2006 ในระหว่างการเยี่ยมเยียนซัพพลายเออร์ประจำปี CEO คนใหม่ Martin Axelhed ได้เข้าพบกับ Åke เพื่อเสนอไอเดียเกี่ยวกับสีสันโฉมใหม่แก่ Kånken
ก่อนหน้านั้น กระเป๋าเป้ Kånken มีเพียงไม่กี่สีเท่านั้น ในปี ค.ศ. 2008 เป็นวันเกิดครบ 30 ปีของเป้ Kånken พอดิบพอดี การเปลี่ยนโฉมใหม่
ในปี ค.ศ. 2008 เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับเริ่มอะไรน่าท้าทาย เนื่องจากเป็นวันเกิดครบ 30 ปีของเป้ Kånken พอดิบพอดี สีสันจะช่วยนำเสนอบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะให้กับกระเป๋าเป้ แม้จุดเริ่มต้นจะมาจากคำถามที่ภรรยาของ Martin ได้ถามว่า "แล้วสีชมพูล่ะอยู่ไหน?"
แม้ว่า Kånken จะเป็นสินค้าที่คงความ traditional (ดั้งเดิม) แต่คำถามนั้นก็เป็นคำถามที่ถูกต้อง สีชมพู และช่วงของสีที่มากขึ้น นับแต่นั้นมาก Fjällräven ก็ไม่เคยหยุดพัฒนาและก้าวขีดจำกัดมาเรื่อยๆ นับแต่นั้น
Pop(ular) art.
กระเป๋าเป้ Kånken ได้เริ่มเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในปี ค.ศ. 2007 เมื่อ Martin Nordin ลูกชายของ Åke ได้รับอนุญาตให้นำกระเป๋าจัดจำหน่ายที่ร้านค้าทั่วสหรัฐอเมริกา ในไม่ช้าเป้ Kånken ก็ได้ปรากฎตัวบนนิตยสาร บล็อก (blog) และได้กระทบไหล่ฮิปสเตอร์และคนดัง อเมริกาเป็นจุดเริ่มต้นของเป้ Kånken ที่ทำให้ผู้คนเริ่มสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของ Kånken
จากปี 2010 - 2017 ยอดขายของกระเป๋าเป้ Kånken ก็ได้เพิ่มขึ้นสิบเท่า กลยุทธ์ก็คือการคงความเป็นเอกลักษณ์และเรียบง่ายซึ่งได้ผลักดันให้ตัวกระเป๋า และ Fjällräven ไปสู่แบรนด์ระดับโลกได้ ในขณะนี้เองที่ the Swedish Society of Crafts and Design ได้กำหนดให้ กระเป๋าเป้ Kånken เป็นศิลปะที่มีประโยชน์ โดยปัจจุบันได้รับการคุ้มครองและจดลิขสิทธิ์ตามกฎหมายแล้ว
Supporting the environment through innovation.
สนับสนุนสิ่งแวดล้อมผ่านนวัตกรรม
เนื่องจากความนิยมและจุดยืนของ Fjällräven ที่ได้ผลักดันตัวผลิตภัณฑ์ กระเป๋าเป้ Kånken ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีประโยชน์สำหรับนวัตกรรม
ตัวอย่าง ปี 2016 Re-Kånken เป็นตัวอย่างที่ดีในการผลิตจากวัสดุ น้ำ และพลังงานน้อยสุดเท่าที่ทำได้ มันได้ใช้ขวด PET รีไซเคิลไป 11 ขวด และใช้เทคโนโลยี Spin-Dye® ในการระบายสีเพื่อให้มันยั่งยืนมากขึ้น
ในปี 2019 ได้เปิดตัว Kånken Art พร้อมๆ กับ Arctic Fox Initiative ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรจาก Fjällräven เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนให้ผู้คนได้สัมผัสธรรมชาติ ในแต่ละปี โดยมีศิลปินสวีเดนหลายคนใช้กระเป๋าใบนี้ในการแสดงถึงความสัมพันธ์ของเขากับธรรมชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งของรายได้มอบให้กับ Arctic Fox Initiative
ด้วย Tree-Kånken ทาง Fjällräven ได้ทำการวิจัยและทดสอบวัสดุทางเลือกเป็นวัสดุหลักและวัสดุใหม่จากพืช ได้แก่ Pine Weave ซึ่งได้ออกจำหน่ายในฤดูร้อน ปี 2021 เนื้อผ้าถูกผลิตจากต้นไม้ในสวีเดน
นวัตกรรมล่าสุดในจักรวาล Kånken ก็คือ Kånken me (ในไทยยังไม่มีจำหน่าย) ได้รับแรงบันดาลใจจากชุมชน Kånken ที่ตกแต่งกระเป๋าของตัวเองด้วยสี ป้าย และงานปัก คราวนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะเสนอวิธีสร้าง Kånken ในแบบของตนเองผ่านทางออนไลน์ ด้วยตัวเลือกสี 14 แบบ และชิ้นส่วนที่ปรับแต่งได้ 15 แบบ มีการผสมผสานการออกแบบที่เป็นไปได้มากกว่า 100,000 ล้านแบบ แทบทุก Kånken me ไม่มีทางซ้ำใครแน่นอน มีชิ้นเดียวในโลก
แต่ในความก้าวหน้าทั้งหมด และตลอดหลายปีที่ผ่านมา กระเป๋าเป้ Kånken ยังคงยึดมั่นเป้าหมายเดิมอย่างแน่วแน่ นั่นก็คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงและไร้กาลเวลา ที่คุณสามารถพกพาสิ่งของได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องใช้มือ
]]>
พวกเราเชื่ออย่างยิ่งว่า เมื่อคุณใช้เวลาอยู่กับธรรมชาตินานเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งซึมซับและเชื่อมถึงธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นคุณก็สามารถเรียนรู้ที่จะเคารพและปกป้องมันได้ในต่อมา ซึ่งทางสมาคม German Ramblers Association มีความคิดในแบบเดียวกัน
การได้อยู่ข้างนอกได้ขยับร่างกายอย่างอิสระ ได้เดินทางไปตามเข็มทิศหรือแผนที่ ได้สำรวจธรรมชาติอันหลากหลาย ได้เอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันกับเพื่อนพ้อง ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเงื่อนไขในการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ที่สมบูรณ์แบบ
ไม่เพียงแค่ทักษะการใช้ชีวิตกลางแจ้งเท่านั้น พวกเราเชื่อว่าธรรมชาติเป็นสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์สำหรับการเรียนรู้ในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกัน เพราะเรา Fjällräven รักธรรมชาติและต้องการให้ผู้อื่นใช้ชีวิตกลางแจ้งมากเท่าที่จะทำได้
ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของ Arctic Fox Initiative พวกเราจึงสนับสนุนหลักสูตรการฝึกอบรมจาก The German Hiking Association (Deutscher Wanderverband - DWV) “การเดินป่าในโรงเรียน, การศึกษาเพื่อพัฒนาที่ยั่งยืน (Education for Sustainable Development :ESD), และ การเรียนรู้นอกสถานที่ เพื่อให้เด็กๆ ได้รับประโยชน์จากการเรียนทางเลือกนี้มากที่สุด
ในแสกนดิเนเวีย, the uteskole หรือโรงเรียนนอกสถานที่ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมาหลายปีแล้ว คุณครูมักออกไปข้างนอกเด็กๆ เพื่อเยี่ยมชมธรรมชาติและสถานที่ทางวัฒนธรรม เป็นการสอบแบบคลาสสิกสลับกับการเรียนรู้เชิงโต้ตอบ ได้สำรวจ และได้สนุกสนาน ในประเทศเยอรมนีนี่คือการเรียนรู้แบบใหม่ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ DWV และบุคลากรได้รับการฝึกฝนมาอย่างมุ่งมั่น เช่น Stefan Österle หัวหน้าฝ่ายการฝึกอบรมสำหรับการเดินป่าในโรงเรียนและ ESD ต่างทุ่มเททั้งตัวและจิตวิญญาณให้แก่โครงการนี้ และเขาต้องการให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในระยะยาว
“เราต้องการสร้างความมั่นใจว่าธรรมชาติ และประสบการณ์นอกห้องเรียนนั้น จะกลายเป็นส่วนสำคัญของบทเรียนในโรงเรียนและส่งเสริมให้คุณครูออกไปนอกชั้นเรียนเพิ่มขึ้น”
Alienation from nature – ความแปลกแยกจากธรรมชาติ
โครงการนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้กับธรรมชาติอย่างสนุกสนาน Stefan Österle ได้สนับสนุนสูตรฝึกอบรมคุณครูมาเป็นเวลา 12 ปีแล้ว และได้สอนนอกชั้นเรียนมาแล้วหลายคลาส
“ฉันไม่รู้ว่ามีอะไรที่สวยอย่างนี้มาก่อน มันเยี่ยมาก และทั้งหมดก็คือความจริง” คำพูดของเด็ก 9 ขวบที่รู้สึกตื่นเต้นกับทัศนียภาพของไร่องุ่น Stuttgart ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา ในขณะที่เด็กชายอีกคนหนึ่งในชั้นเรียนเดียวกันได้แสดงความกังวลขณะที่เขาออกเดินทาง “คุณ Österle ผมไม่ได้ไร้สาระนะ ผมไม่อยากเข้าป่าจริงๆ”
ประโยคนี้เป็นตัวอย่างที่สื่อได้ดีมกาว่าผู้คนและลูกๆ ของเขายังเหินห่างจากธรรมชาติอย่างมาก ซึ่งในตอนนั้นเอง Stefan ก็ได้โน้มน้าวให้เด็กชายอายุ 9 ขวบเชื่อว่าป่าที่แท้จริงนั้นสวยงามเพียงใด มันเต็มไปด้วยกวาง หมูป่า หนาม และใยแมงมุม แต่ไม่มีซอมบี้และไดโนเสาร์ที่อันตรายแน่นอน พวกเขาจะกลับบ้านพร้อมรอยขีดข่วนเล็กน้อย รองเท้าที่สกปรกเลอะเทอะ และความประทับใจที่ไม่มีสิ้นสุด
A school day in nature – วันเรียนท่ามกลางธรรมชาติ
การสอนในธรรมชาติเป็นแบบไหนน่ะเหรอ? ก็เป็นวันธรรมดาทั่วไปที่ใช้ชีวิตด้านนอกกับ Stefan Österle ซึ่งเริ่มต้นขึ้นที่ห้องเรียนด้วยการให้เด็กๆ ได้ดูแผนที่ เพื่อให้รู้ว่าโรงเรียนตั้งอยู่ที่ไหน และพวกเขากำลังจะไปที่ไหนหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มออกเดินทาง
“เมื่อแสงอาทิตย์ส่อง พวกเราพยายามหาทิศทางโดยฉันแสดงเข็มทิศให้พวกเขาดู” หลังจากนั้นไม่นาน เด็กๆ ก็พบเข้ากับเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ที่ห้องเรียน นี่คือวิธีที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะใช้งานแผนที่ในความเป็นจริง นอกจากนั้นในป่า เด็กแต่ละคนได้รับอนุญาตให้เป็นผู้นำชั้นเรียนเพียงครั้งเดียวและให้เดินออกจากทางลาดยางอีกด้วย
“พวกเราจึงเดินฝ่าเข้าไปในป่าและไปยังที่ต่างๆ ซึ่งตัวผมเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน”
สิ่งเหล่านี้เป็นการส่งเสริมให้เด็กรู้จักเงียบและฟัง รับรู้ประสบการณ์ท่ามกลางธรรมชาติอย่างมีสติ ระหว่างทางพวกเขาจะรับรู้สึกพืชพันธุ์ ต้นไม้ นก และแมลงต่างๆ บางครั้งก็เห็นกระต่าย กวาง หรือแม้แต่หมูป่า เด็กๆ จึงได้สัมผัสกับธรรมชาติที่หลากหลาย
“นี่คือสิ่งที่เรารักเกี่ยวกับโครงการนี้ ที่ Fjällräven เป้าหมายของเราก็คือการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนออกไปทำกิจกรรมข้างนอกกันมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่ายิ่งผู้คนใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งชื่นชมและรักธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น และพวกเขาก็จะช่วยปกป้องมันด้วยเช่นกัน” คำพูดของ Christiane Dolva ผู้จัดการฝ่าย Sustainability ที่ Fjällräven ได้กล่าวเอาไว้ และยิ่งคุณอายุน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีเท่านั้น!
Mathematics in the forest and learning for life – การคำนวณในป่าและการเรียนรู้การใช้ชีวิต
“จากมุมมองของเรา การเรียนนอกห้องมีข้อดีมากกว่าการเรียนในห้อง” Österle กล่าว “เด็กๆ เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น คุณสามารถจัดสรรงานได้ เช่น การขอให้คนหนึ่งซื้อตั๋ว และอีกคนหนึ่งมีหน้าที่ดูแผนที่และหาทาง” นั่นจึงทำให้เด็กๆ มีประสบการณ์ในการรับรู้ความสามารถของตนเอง กลายเป็นนักแสดงในเหตุการณ์นั้นๆ กระทำได้อย่างอิสระ และเรียนรู้จากวัตถุที่จับต้องได้ สิ่งนี้เสริมสร้างความตระหนักและความสามารถของตนเองในการดำเนินการ ในลักษณะที่พวกเขาได้รับเครื่องมือสำหรับชีวิต
“จากมุมมองของเรา การเรียนนอกห้องมีข้อดีมากกว่าเรียนในห้อง” Österle กล่าว “เด็กๆ เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น เด็กๆ สามารถบริหารจัดสรรงานได้ เช่น ขอให้คนหนึ่งทำหน้าที่นี้ และอีกคนหนึ่งมีหน้าที่ดูแผนที่และหาทาง” นั่นจึงทำให้เด็กๆ มีประสบการณ์สามารถรับรู้ความสามารถของตนเอง มีความเฉิดฉายในการทำหน้าที่นั้นๆ ที่สามารถทำได้อย่างอิสระ และได้เรียนรู้จากวัตถุที่จับต้องได้ สิ่งนี้เสริมความตระหนักและความสามารถของตนเองในขณะดำเนินการ
ในขณะเดินป่าแต่ละวัน Stefan Österle จะคาดประมาณความสูงของต้นไม้ในชั้นเรียน จากนั้นจึงจะใช้ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ตั้งคำถามกับเด็กๆ ที่นี่เด็กๆ จึงตระหนักได้ว่า “ในที่สุดฉันก็รู้ว่าวิชาคณิตศาสตร์นำไปทำอะไรได้บ้าง” เพราะการเรียนนอกห้องเรียนนั้น ไม่เพียงแค่การออกนอกสถานที่ การเคลื่อนไหวร่างกาย และความหลากหลายทางชีวภาพเท่านั้น แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์เพียงเล็กน้อย แม้แต่วิชาในโรงเรียนปกติก็สามารถสอนได้
“เมื่อเนื้อหาที่ได้เรียนรู้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ เนื้อหานั้นก็จะถูกเก็บไว้ในสมองอย่างลึกซึ้งขึ้น” Österle กล่าวเสริม
และแน่นอนว่าพวกเราทุกคนรู้ดีว่าการใช้เวลากับธรรมชาตินั้นดีเพียงใด การเรียนนอกห้องเรียนได้ประโยชน์จากการออกกำลักงายในอากาศบริสุทธิ์ การฝึกประสานงาน การค้นพบความหลากหลายด้วยตัวเอง การทำงานร่วมกันเป็นทีม สิ่งเหล่านี้นี่แหละทำให้คุณมีความสุข หลังจากร่วมกิจกรรมนอกห้องเรียนคุณครูมักรายงานบ่อยๆ ว่า เด็กนั้นมีความสมดุลมากขึ้นและให้ความสนใจกับชั้นเรียนมากขึ้น
Training multipliers
คุณครู ผู้ปกครอง โดยเฉพาะเด็กๆ หลายคนชอบแนวคิดการสอนแบบธรรมชาติ แต่ช่างน่าเสียดายเช่นเดียวกับหลายๆ อย่างที่ไม่มีการลงมือทำ DWV ต้องการเปลี่ยนสิ่งนั้น ขั้นตอนสำคัญคือการฝึกอบรม Training multipliers ก้าวสำคัญในการฝึกฝนเพิ่มเติมแก่บุคคลที่รู้วิธีในการสอนนักเรียนและหลักสูตรขั้นสูงกับธรรมชาติ ในปีนี้ต้องขอบคุณการสนับสนุนจาก Arctic Fox Initiative ทำให้มีการจัดหลักสูตรฝึกอบรมจำนวน 6 หลักสูตรทั่วประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วม 90 คน และมีผู้ฝึกเพิ่มจำนวน 14 คนในเวลาต่อมา
"DWV ได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังมาหลายปีแล้ว และเรียกร้องให้นักการเมืองและกระทรวงศึกษาธิการได้เปิดใจและยอมรับว่า "การเรียนรู้นอกห้องเรียน" เป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมเติมเต็มกับการเรียนในห้องเรียน" Ute Dicks กรรมการผู้จัดการ DWV กล่าว
ภารกิจของ DWV เข้ากันได้ดีกับภารกิจของ Fjällräven ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับธรรมชาติ Christiane Dolva กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนองค์กรในด้านการศึกษาและโครงการเพื่อให้คนรุ่นหลังใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น และทำให้การศึกษาและกิจกรรมนอกห้องเรียนเป็นไปด้วยกันได้ดีสำหรับเด็กมากขึ้น” Christiane Dolva กล่าว
การฝึกอบรมแบบใหม่จะถูกนำไปใช้กับโรงเรียนและกระทรวงวัฒนธรรมรวมถึงสมาชิก DWV ทั่วประเทศเยอรมนี ต้องขอบคุณความคิดริเริ่ม DWV และการสนับสนุนจาก Arctic Fox Initiative ที่พวกเขาได้เรียนรู้และช่วยเปลี่ยนแปลงแนวคิดให้กลายเป็นจริงทีละขั้น
คุณคิดยังไงกับการเรียนท่ามกลางธรรมชาติ? แสดงความคิดเห็นของคุณดู :)
Kånken Art คอลเลคชั่นพิเศษ รุ่น Limited Edition ในปีนี้ 2022 โดยการออกแบบของ Tekla Evelina Severin (คุณเท็กล่า) ศิลปินปรับแต่งสีภาพ นักออกแบบ และช่างภาพชาวสวีเดน ซึ่งจะพร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 22 เมษายน 2565 นี้ ที่ร้าน The Adjective และเค้าเตอร์แบรนด์ Fjällräven Thailand ทุกสาขารวมถึงออนไลน์
กระเป๋ารุ่น Kanken Art เป็นคอลเล็คชั่นพิเศษที่ถูกสร้างสรรค์จากศิลปินต่าง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติรอบๆตัว ซึ่งลวดลายของแต่ละปีก็จะแตกต่างกันออกไป โดยในปีนี้ 2022 ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์โดยคุณเท็กล่า ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Free Horizon" สุนทรียภาพและความสวยงามแห่งการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ธรรมชาติ เส้นขอบฟ้าที่ซึ่งแผ่นดินและทะเลบรรจบกับท้องฟ้า การผสมผสานสีของเธอทำให้ Kånken รู้สึกถึงอากาศที่ปลอดโปร่งและภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นทะเลหรือบนพื้นดิน
เธอกล่าวว่า "จุดเริ่มต้นของฉันคือเส้นและปริมาตรในธรรมชาติ จากนั้นฉันก็สร้างองค์ประกอบรอบๆธรรมชาติเหล่านั้น ฉันเริ่มคิดและค้นหาว่าอะไรละที่ยาวนาน เปิดกว้าง แต่ยังคงพิเศษ ทำให้ชั้นนึกถึง 'เส้นขอบฟ้า' เพราะไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เส้นขอบฟ้าจะอยู่ตรงนั้นเสมอ นอกจากนี้ในแง่ของการผสมผสานสี ฉันได้แรงบันดาลใจจากสีท้องฟ้าตัดกับน้ำทะเล หน้าผาอันขรุขระของหมู่เกาะ Landsort ตัดกับแสงพระอาทิตย์ และทุ่งดอกป๊อปปี้เรืองแสงที่อาบด้วยอาทิตย์อัสดงสีชมพู รายละเอียดเล็ก-ใหญ่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างองค์ประกอบหลักและเป็นส่วนสำคัญของส่วนรวม ในเวลาเดียวกัน มันก็สร้างโลกของตัวมันเองด้วย”
.
Kånken Art ผลิตขึ้นมาเพียงปีละ 1 ครั้ง นอกจากนี้รายได้ 1% ของรุ่น Kanken Art จะให้กลับคืนความยั่งยืนสู่ธร
สถานที่วางจำหน่าย
ร้าน The Adjective
1) สาขาเซ็นทรัลเวิล์ด ชั้น1 โซน eden โทร.02-613-1532
2) สาขาเมกาบางนา ชั้น1 โซน purple (โซนแฟชั่น) โทร.02-105-1722
3) สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น G (ชั้นใต้ดิน) ทางเข้าประตู G2 โทร.02-010-1229
4) สาขาสยามพารากอน ชั้น 2 โซน Men Intrend (ยีนส์)
5) สาขา The Emporium ชั้น 2 โซน Men Intrend
เคาร์เตอร์แบรนด์
1) Fjällräven ที่ Siam Takashimaya, ห้าง Icon Siam ชั้น 3 (บริเวณด้านหน้าทางเชื่อม ICON กับ SIAM Takashimaya ฝั่งโซนสินค้า Outdoor)
2) Fjällräven ที่ห้าง Siam Discovery ชั้น 1
]]>
Kånken เมื่อ ค.ศ.1978 เมื่อคุณอาร์ค ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Fjällräven ได้ไปเยี่ยมชมร้าน NATURKOMPANIET ในเมือง Stockholm (เมืองหลวงของสวีเดน) ซึ่งถือเป็นเมืองต้นกำเนิดของเเบรนด์ คุณอาร์คได้ไปพบกับผู้จัดการร้าน คุณ Erland Westerberg (เออร์แลนด์ เวสเตอร์เบิร์ก) และได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาที่กำลังเป็นเรื่องใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวอาการปวดหลังอย่างรุนแรงในหมู่ประชาชนชาวสวีเดน ตั้งแต่คนหนุ่มสาวและเด็ก ที่มากกว่า 80% ต้องทนทรมานกับปัญหานี้
ทั้งสองมีความคิดเห็นตรงกัน พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะสร้าง สรรค์และออกแบบกระเป๋าเป้สะพายหลังมาเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ในทันที โดยคำนึงถึงหลักการเรื่อง " เรียบง่าย และใช้งานได้ดี " เป็นหลัก และด้วยต้นกำเนิดความคิดของ Kånken ที่ถูกออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ที่อยากจะแก้ไขปัญหาเรื่องการปวดหลังของเด็กๆ และพลเมืองชาวสวีเดน บวกกับดีไซน์คลาสสิค มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้กระเป๋าเป้สะพายหลัง Kånken (คองเก้น) หรือเป้จิ้งจอกของเรานั้น ได้รับความนิยมมาตลอดกว่า 43 ปี กลายเป็นกระเป๋ารุ่นที่โด่งดังและประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกรุ่น ของแบรนด์ Fjällräven อย่างเถียงไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งในหมู่เด็กนักเรียนเล็กๆ ไปจนถึงเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่
Arctic Fox Thailand ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Fjällräven อย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย ภายใต้ร้าน The Adjective เครือบริษัทสวัสดีโสภณพิชิต จำกัด
]]>แรงบันดาลใจให้เราหวนรำลึกถึงการออกแบบครั้งแรกของ Kånken เมื่อ ค.ศ. 1978 ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา Kånken ได้ถูกออกแบบมาด้วยความเรียบง่าย และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้งาน จึงไม่ค่อยได้มีการรีดีไซน์มากนัก การออกแบบส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม และนี่คือเหตุผลที่ Kånken เป็นที่นิยมทั่วโลก
Tree-Kånken การออกแบบจะดูไม่เหมือน Kånken ในปัจจุบัน ประการหนึ่ง การออกแบบมีรากฐานมาจาก Kånken ตัวแรก ซึ่งมีสายรัดหูหิ้วที่เย็บตามยาวลงไปตรงกระเป๋าด้านหน้า ไม่มีกระเป๋าเล็กด้านหน้า
นอกจากนี้ Tree-Kånken ทำจากเนื้อผ้าที่พัฒนามาจากวัสดุทางเลือกซึ่งเป็นวัสดุชีวภาพ ทดแทนวัสดุฟอสซิลหรือวัสดุจากปิโตรเลียม
ผ้าหลักและด้านในของกระเป๋า Tree-Kånken ทำจากเส้นใยไม้สนสวีเดนแท้ ซึ่งทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Fjällräven สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัสดุชีวภาพทางเลือกแทนวัตถุดิบจากฟอสซิล หรือปิโตรเคมี เนื้อผ้าแห่งอนาคตที่จะช่วยลดปัญหามลพิษต่างๆของโลกเราอีกด้วย
กระบวนการผลิต ตั้งแต่การจัดสรรหาวัตถุดิบนั้น จนกระทั้งขั้นตอนสุดท้าย สามารถลดการใช้น้ำน้อยลง 65% ลดการพลังงานน้อยลง 40% และยังลดสารเคมีลงถึง 50%
เส้นใยไม้สนสวีเดนนี้ มีความหนาถึง 3 ชั้น และได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทาน คำนึงถึงการใช้งาน และรองรับการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน เมื่อนำมาทอเป็นผืน จะถูกเคลือบด้วย Wax และปกป้องเสริมด้วยระบบกันซึม PU สูตรน้ำ ทำให้ยืดอายุการใช้งานของผ้าไปได้อีก อีกทั้งยังทำให้เนื้อผ้ามีความทนทานมากกว่าผ้าไลโอเซลล์ในท้องตลาดทั่วไปอีกด้วย
]]>